รังสีอินฟราเรด ร้ายยิ่งกว่ารังสี UV

ปกติแล้วเรามักจะรู้จักแต่รังสียูวี แต่น้อยคนมากที่จะรู้จัก IR หรือรังสีอินฟราเรด

มาทำความรู้จักกับรังสีอินฟราเรดกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่ารังสีอินฟราเรดคืออะไร

รังสีอินฟราเรด (Infrared; IR) หรือรังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ที่มีความถี่ถัดจากความถี่ของแสงสีแดงลงมา ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า รังสีอินฟราเรด หรือรังสีใต้แดง (infra + red) รังสีอินฟราเรดมีแหล่งกำเนิดมาจากความร้อน มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นแสงอินฟราเรดได้ด้วยตา แต่เมื่อสัมผัสรังสีเราจะรู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าตอนเรารู้สึกร้อนจากแดดหรือจากเปลวไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นรังสีอินฟราเรดทั้งสิ้น



แล้วรู้หรือไม่ว่า?

แสงอาทิตย์ที่มีรังสีผ่านลงมาสู่พื้นผิวโลก โดยทั่วไปเรามักจะนึกถึงแต่อันตรายของรังสี UVA และ UVB “แต่ทราบหรือไม่ว่ากว่า 54% ของรังสีที่ตกกระทบมายังโลกคือ รังสีอินฟราเรด” เกินกว่าครึ่งของรังสีจากแสงอาทิตย์ที่ผ่านมายังโลกเป็นรังสีอินฟราเรด  ที่เหลือจะเป็น Visible Light ประมาณ 39% ส่วนรังสี UVA และ รังสี UVB มีเพียง 7% เท่านั้น

credit

รังสีอินฟราเรดร้ายกว่ารังสียูวียังไง?

เราสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า รังสีอินฟราเรด หรือรังสีความร้อน เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ เมื่อรังสีนี้สัมผัสผิวจะรู้สึกได้ถึงความร้อน ไม่ว่าจะเป็นจากแดด หรือเปลวไฟ นอกจากนี้ในชีวิตประจำวันของเรายังต้องพบเจอกับรังสีอินฟราเรดและสัมผัสกับมันโดยไม่รู้ตัว เช่น ห้องซาวน์น่า คอมพิวเตอร์ หลอดไฟชนิดทังสเตน  Gadgets ทั้งหลาย เตาอบ ไดร์เป่าผม ฯลฯ ความร้ายกาจของรังสียูวีอาจทำให้ผิวดำคล้ำ เกิดฝ้า จุดด่างดำ ทำให้ผิวร้อน บวมแดง แต่รังสีอินฟราเรดแรงกว่านั้น เพราะมันทำร้ายชั้นผิวหนังได้ลึกและแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวในระดับเซลล์ กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวลดลง ผลคือความหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก สูญเสียความยืดหยุ่น และก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง นั่นถือว่าเป็นหายนะของผิวเชียวนะคะ


รู้อย่างนี้แล้วแนะนำให้หาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูง ไม่เพียงแต่ปกป้องรังสียูวี แต่ควรป้องกันครอบคลุมถึงรังสีอินฟราเรดด้วย ผิวของเราก็จะได้รับการปกป้องที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น "รักผิวตัวเองต้องเริ่มจากการปกป้อง ผิวหน้าเรามีเพียงผิวเดียวค่ะ"


Credit รูปภาพจาก thinkird.co.uk